เป็น เวลาสิบกว่าปีแล้วที่โลกถูกทำลายย่อยยับโดยอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครบอกได้ มันอาจเป็นระเบิดปรมาณู หรือการปะทะกันระหว่างโลกกับดาวดวงอื่นในจักรวาล หรืออาจเป็นการระเบิดของดวงอาทิตย์ ที่ส่งผลให้ดวงดาวข้างเคียงเสียหายไปด้วย วันหนึ่งได้เกิดแสงสว่างวูบใหญ่ และทุกสิ่งทุกอย่างก็หายไป ไม่มีต้นไม้ใบหญ้า ไม่มีอาหาร ไม่มีพลังงาน ผู้คนนับล้านๆ เสียชีวิตทันทีด้วยเปลวไฟแผดเผาและน้ำท่วม ส่วนที่เหลือก็ตายอย่างช้าๆ จากความอดอยากหลังจากพลังงานสูญสิ้นไป
ชาย หนุ่ม (วิกโก มอร์เทนเซ่น) และเด็กชาย (โคดี้ สมิท-แมคฟี) คือ “โลกทั้งหมดของกันและกัน” อย่างที่แมคคาร์ธีย์บรรยายไว้ในนิยายของเขา กำลังก้าวย่ำไปพร้อมสิ่งของมีค่าของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นอาหาร , เสื้อผ้า หรือของกระจุกกระจิกอย่างเครื่องมือต่างๆ , ถุงพลาสติก , ผ้าใบ , ผ้าห่ม และอะไรก็ได้ที่ช่วยทำให้ทั้งสองรู้สึกอบอุ่นขณะอยู่ในพื้นที่โล่งอันเย็นยะ เยือก บนหลังของพวกเขาและในรถเข็นมีกระจกรถจักรยานติดอยู่ เพื่อช่วยให้มองเห็นว่ามีใครตามหลังมาหรือไม่ สิ่งของไร้ค่าเหล่านี้รวมกับเนื้อตัวที่สกปรกมอมแมม ทำให้สารรูปของทั้งคู่ดูเหมือนคนเร่ร่อนอนาถา แต่นี่คือตัวตนของพวกเขา ตัวตนของคนทุกคนที่อยู่ในดินแดนอันแห้งแล้งไร้ชีวิตเช่นนี้
ทั้งสอง ก้าวไปบนเส้นทางซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นถนนสายหลักของอเมริกาที่มุ่งหน้าสู่ มหาสมุทร พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในป่า หรือที่ใดก็ตามซึ่งเห็นว่าปลอดภัยจากกลุ่มคนที่จะมาแย่งชิงทรัพย์สินของเขา ไป คนพวกนั้นคือแก๊งข้างถนนที่เป็นทั้งนักล่าและนักกินไม่เลือก บ้างเป็นพวกมนุษย์กินคนผู้เก็บอาหารที่ทำจากเนื้อมนุษย์ไว้ในบ้านหลังใหญ่บน เขา แต่ทั้งหมดล้วนมีพฤติกรรมไม่ต่างจากโจรร้าย
ระหว่างทาง ชายหนุ่มและลูกพบชายชราถือไม้เท้าคนหนึ่ง (โรเบิร์ต ดูวัลล์) ผู้สวมรองเท้าที่ทำจากเศษผ้าและกระดาษแข็ง เด็กชายขอให้พ่อแบ่งอาหารให้ชายชรา ซึ่งต่อมาจึงรู้ว่าแกชื่ออีไล ชายเฒ่าบอกว่าแกอยู่บนท้องถนนมาตลอดชีวิต และเมื่อแกเห็นเด็กชาย แกนึกว่าแกตายไปอยู่บนสวรรค์แล้ว และได้พบเทวดาองค์หนึ่ง
แม้แต่ใน จักรวาลอันหนาวเหน็บเช่นนี้ ก็ยังมีช่วงเวลาแห่งความสุข เป็นบางโอกาสที่สองพ่อลูกได้เจออาหารที่ถูกหลงลืมไว้ในตู้ หรือถูกซ่อนไว้ในเพิงที่พักบางแห่ง ชายหนุ่มพบโค้กกระป๋องหนึ่งตกค้างอยู่ในตู้ขายน้ำอัดลม เขามอบมันให้ลูกชาย ผู้ไม่เคยลิ้มรสความหวานซาบซ่านของน้ำชนิดนี้มาก่อน และเมื่อพวกเขาพบน้ำตกที่มีน้ำใสสะอาด ทั้งสองก็กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ ที่จะได้เวลาชำระล้างความสกปรกเสียที
เมื่อชายหนุ่มย้อนกลับไปคิดถึง ชีวิตของตนเอง ในตอนที่เขาอยู่กับภรรยา (ชาร์ลิซ เธอรอน) ก่อนเหตุการณ์หายนะจะเกิดขึ้น ความทรงจำที่หอมหวานตอนนั้น และตอนที่เขายังเป็นเด็ก เปรียบเสมือนไฟดวงเล็กๆ ที่สว่างไสวในความมืด ซึ่งช่วยหล่อเลี้ยงให้เขามีกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อปกป้องลูกชายจากอันตรายทั้งปวง
ชาย หนุ่ม (วิกโก มอร์เทนเซ่น) และเด็กชาย (โคดี้ สมิท-แมคฟี) คือ “โลกทั้งหมดของกันและกัน” อย่างที่แมคคาร์ธีย์บรรยายไว้ในนิยายของเขา กำลังก้าวย่ำไปพร้อมสิ่งของมีค่าของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นอาหาร , เสื้อผ้า หรือของกระจุกกระจิกอย่างเครื่องมือต่างๆ , ถุงพลาสติก , ผ้าใบ , ผ้าห่ม และอะไรก็ได้ที่ช่วยทำให้ทั้งสองรู้สึกอบอุ่นขณะอยู่ในพื้นที่โล่งอันเย็นยะ เยือก บนหลังของพวกเขาและในรถเข็นมีกระจกรถจักรยานติดอยู่ เพื่อช่วยให้มองเห็นว่ามีใครตามหลังมาหรือไม่ สิ่งของไร้ค่าเหล่านี้รวมกับเนื้อตัวที่สกปรกมอมแมม ทำให้สารรูปของทั้งคู่ดูเหมือนคนเร่ร่อนอนาถา แต่นี่คือตัวตนของพวกเขา ตัวตนของคนทุกคนที่อยู่ในดินแดนอันแห้งแล้งไร้ชีวิตเช่นนี้
ทั้งสอง ก้าวไปบนเส้นทางซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นถนนสายหลักของอเมริกาที่มุ่งหน้าสู่ มหาสมุทร พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในป่า หรือที่ใดก็ตามซึ่งเห็นว่าปลอดภัยจากกลุ่มคนที่จะมาแย่งชิงทรัพย์สินของเขา ไป คนพวกนั้นคือแก๊งข้างถนนที่เป็นทั้งนักล่าและนักกินไม่เลือก บ้างเป็นพวกมนุษย์กินคนผู้เก็บอาหารที่ทำจากเนื้อมนุษย์ไว้ในบ้านหลังใหญ่บน เขา แต่ทั้งหมดล้วนมีพฤติกรรมไม่ต่างจากโจรร้าย
ระหว่างทาง ชายหนุ่มและลูกพบชายชราถือไม้เท้าคนหนึ่ง (โรเบิร์ต ดูวัลล์) ผู้สวมรองเท้าที่ทำจากเศษผ้าและกระดาษแข็ง เด็กชายขอให้พ่อแบ่งอาหารให้ชายชรา ซึ่งต่อมาจึงรู้ว่าแกชื่ออีไล ชายเฒ่าบอกว่าแกอยู่บนท้องถนนมาตลอดชีวิต และเมื่อแกเห็นเด็กชาย แกนึกว่าแกตายไปอยู่บนสวรรค์แล้ว และได้พบเทวดาองค์หนึ่ง
แม้แต่ใน จักรวาลอันหนาวเหน็บเช่นนี้ ก็ยังมีช่วงเวลาแห่งความสุข เป็นบางโอกาสที่สองพ่อลูกได้เจออาหารที่ถูกหลงลืมไว้ในตู้ หรือถูกซ่อนไว้ในเพิงที่พักบางแห่ง ชายหนุ่มพบโค้กกระป๋องหนึ่งตกค้างอยู่ในตู้ขายน้ำอัดลม เขามอบมันให้ลูกชาย ผู้ไม่เคยลิ้มรสความหวานซาบซ่านของน้ำชนิดนี้มาก่อน และเมื่อพวกเขาพบน้ำตกที่มีน้ำใสสะอาด ทั้งสองก็กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ ที่จะได้เวลาชำระล้างความสกปรกเสียที
เมื่อชายหนุ่มย้อนกลับไปคิดถึง ชีวิตของตนเอง ในตอนที่เขาอยู่กับภรรยา (ชาร์ลิซ เธอรอน) ก่อนเหตุการณ์หายนะจะเกิดขึ้น ความทรงจำที่หอมหวานตอนนั้น และตอนที่เขายังเป็นเด็ก เปรียบเสมือนไฟดวงเล็กๆ ที่สว่างไสวในความมืด ซึ่งช่วยหล่อเลี้ยงให้เขามีกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อปกป้องลูกชายจากอันตรายทั้งปวง